สารบัญ
ข้อดีของการลงทะเบียนค่าไฟ เพื่อการลดค่าไฟจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในปี 2567 / 2024
ค่าไฟฟ้าเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายที่เราๆ ท่าน ๆ ต่างต้องเสียอยู่ประจำทุกเดือน บางเดือนถ้าอากาศร้าน เราก็เปิดแอร์เปิดพัดลมจนเป็นเหตุให้ค่าไฟแพงขึ้นมา ส่วนช่วงไหนอากาศหนาวค่าไฟก็อาจจะลดลงได้ แต่ไม่ว่าจะเสียน้อยหรือเสียมาก ใครๆ ก็อยากได้ส่วนลดค่าไฟด้วยกันทั้งนั้น และมันจะดีแค่ไหนหากท่านที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจน สามารถลงทะเบียนค่าไฟเพื่อส่วนลดค่าไฟได้เป็นระยะเวลานานถึง 1 ปี ซึ่งหลายท่านก็คงสงสัย ถ้าหากต้องการลงทะเบียนส่วนลดค่าไฟฟ้าจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง หรือมีขั้นตอนต่างๆ อย่างไร
เรื่องคุณสมบัติก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป หากท่านสามารถทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ ก็ถือว่าท่านมีคุณสมบัติพอที่จะลงทะเบียนค่าไฟ โดยคุณสมบัติของผู้ทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะต้องเป็นคนไทยที่มีสัญชาติไทย มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป และรายได้ระดับครัวเรือนจะต้องไม่เกิน 2 แสนบาทต่อปี กล่าวคือหากคุณในฐานะสามีหรือหัวหน้าครอบครัว มีรายได้อยู่ที่ 150,000 บาท เพื่อจะลงทะเบียนค่าไฟ ภรรยาหรือคนอื่นๆ ในบ้านก็ไม่ควรจะมีรายได้รวมต่อปีอยู่ที่ 60,000 บาทเพราะจะถือว่าเกิดข้อกำหนดขั้นต่ำ และนอกจากนี้ก็ยังมีข้อกำหนดอื่นๆ ในการทำบัตรที่คุณสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้เพื่อนำไปสู่การลงทะเบียนค่าไฟ
ลงทะเบียนค่าไฟ : ทำอย่างไรถึงจะอยู่ในเกณฑ์ของผู้ที่ได้ลดค่าไฟ
เมื่อมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว เงื่อนไขสำคัญในการได้รับส่วนลดค่าไฟอันเกิดจากการลงทะเบียนค่าไฟ ก็คือในฐานะที่มีสิทธิจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คุณจะสามารถขอส่วนลดค่าไฟได้เพียง 1 สิทธิต่อครัวเรือนต่อบิล และต่อหนึ่งหมายเลขผู้ใช้ไฟฟ้าเท่านั้น ไม่สามารถเอาสิทธิไปใช้เพิ่มให้ใครได้
สำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าต่ำกว่า 50 หน่วยต่อเดือน จะได้ใช้ไฟฟ้าฟรีไปอย่างน้อย 3 เดือน ส่วนถ้าหากว่าใครใช้ไฟฟ้าเกินกว่า 50 หน่วยต่อเดือน จะได้ลดค่าไฟก็จะต้องไม่เกินกว่า 315 บาทต่อเดือนด้วย หากใช้เกินกว่าวงเงินที่กำหนดไว้ ผู้ถือบัตรคนจนจะต้องเป็นผู้ออกค่าไฟฟ้าเองทั้งหมด ไม่ได้รับส่วนลดแต่อย่างใด
โดยรูปแบบการลดค่าไฟหลังลงทะเบียนค่าไฟไปแล้ว ก็จะเป็นการที่ท่านจะต้องจ่ายค่าไฟไปเต็มจำนวนตามที่ระบุไว้ในใบแจ้งค่าไฟที่ท่านได้รับก่อน แล้วหลังจากนั้น ทางกรมบัญชีกลางจะจ่ายในส่วนที่เป็นส่วนลดค่าไฟกลับคืนไปให้ท่านทางบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในเดือนต่อไป
โดยถ้าหากว่าท่านในฐานะของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่เคยได้รับสิทธิส่วนลดค่าไฟมาก่อน และอยากจะลงทะเบียนค่าไฟเพื่อขอส่วนลด ก็สามารถถือบัตรคนจนไปติดต่อที่สำนักงานการไฟฟ้านครหลวงสาขาใกล้บ้าน หรือสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือจะเป็นที่ร้าน PEA Shop, PEA Mobile Shop หรือลงทะเบียนผ่านแอปการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค PEA Smart Plus ก็ได้ พร้อมทั้งแสดงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อยืนยันตัวตน หากไปทำเรื่องที่สำนักงานการไฟฟ้า ก็บอกเจ้าหน้าที่ว่ามาทำเรื่องลงทะเบียนค่าไฟเพื่อขอส่วนลดค่าไฟ
หรือจะเข้าไปลงทะเบียนแบบออนไลน์ได้ที่ https://eservice.pea.co.th/
แอปการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค PEA Smart Plus กับการลงทะเบียนค่าไฟ และทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
สำหรับในกรณีของแอปการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค PEA Smart Plus อาจจะเป็นของใหม่สำหรับบางคน บางคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อแอปนี้มาก่อน แต่จริงๆ แล้วแอปนี้มีให้ดาวน์โหลดไปใช้บริการได้ระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งแอปนี้มีหน้าที่ในการเข้าไปเช็คค่าไฟว่าตอนนี้เราใช้ไฟไปถึงไหนแล้ว รวมถึงการจ่ายค่าไฟและลงทะเบียนค่าไฟซึ่งก็สะดวกรวดเร็วกว่าการเดินทางออกไปนอกบ้านเพื่อไปจ่ายค่าไฟที่สำนักงานการไฟฟ้า ขั้นตอนการโหลดมาติดตั้งก็ไม่ยาก เพียงแค่หากว่าคุณใช้ Android ก็ต้องไปโหลดจากทาง Google Play หรือถ้าหากว่าคุณใช้ระบบ IOS ก็จะโหลดผ่านทาง App Store เพียงเท่านี้การลงทะเบียนค่าไฟก็เป็นเรื่องที่สะดวกขึ้น
หากยังไม่ได้ลงทะเบียนค่าไฟ ไม่ต้องตกใจเพราะมีการขยายเวลาเพิ่ม
สำหรับในส่วนของระยะเวลาที่กำหนดให้ทำเรื่องและยื่นเรื่องลงทะเบียนค่าไฟ ตอนนี้ก็ได้มีการขยายเวลาเพิ่มเติมให้สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนค่าไฟได้มีเวลาเพิ่ม โดยช่วงเวลาที่เพิ่มมาจะมีตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2567 ไปจนถึงเดือนกันยายน พ.ศ.2567 หรือ 2024 ซึ่งก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มากพอสมควรให้ประชาชนที่กำลังประสบกับความเดือดร้อนอันเนื่องจากการต้องชำระค่าไฟ ได้มีเวลาเตรียมตัวและทำเรื่องลงทะเบียนค่าไฟเพื่อขอส่วนลดค่าไฟได้
ลดค่าไฟด้วยการลดการใช้ไฟก่อน ส่วนหนึ่งในการประหยัดก่อนลงทะเบียนค่าไฟ
แต่ก่อนจะลงทะเบียนค่าไฟ คุณก็จำเป็นต้องลดการใช้ไฟฟ้าด้วยตัวเองก่อน เพราะนี่ก็เป็นหนึ่งในหนทางการประหยัดที่ทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ไม่มีขั้นตอนหรือวิธีการซับซ้อนอะไร
การประหยัดไฟฟ้าก่อนลงทะเบียนค่าไฟ ประกอบไปด้วย วิธีแรก ไม่เปิดไฟทิ้งไว้โดยไม่จำเป็น ไฟดวงไหนไม่ใช้ก็ปิด หรือปลั้กหม้อหุงข้าวที่เสียบทิ้งไว้ หากไม่ได้อุ่นข้าวหรือทำอะไรก็ตาม ก็ควรจะถอดออกเสีย ขั้นตอนต่อมา พยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของตัวเอง เช่น ถ้าหากเราชอบเปิดแอร์ตอนกลางวัน เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเปลี่ยนไปใช้พัดลมแทนการเปิดแอร์ เพราะการเปิดแอร์ในตอนกลางวันจะทำให้การใช้ไฟฟ้ามีปริมาณที่สูงขึ้นโดยไม่จำเป็น และเราสามารถลดค่าไฟโดยการวางแผนใช้ไฟฟ้าที่แน่นอน ว่าอะไรควรที่จะเปิดตอนไหน เช่น ควรจะเปิดตู้เย็นวันละกี่ครั้ง เพื่อไม่ให้ตู้เย็นกินไฟหรือใช้งานมากจนเกินไป เป็นต้น
สิ่งสุดท้ายที่ควรคิดก่อนจะลงทะเบียนค่าไฟ
และหลังจากที่เราได้รับส่วนลดค่าไฟมาเมื่อการลงทะเบียนค่าไฟเรียบร้อยดี เราก็ควรจะต้องยึดตามหลัก 3 ข้อนี้ต่อไป เพราะการได้รับส่วนลดค่าไฟไม่ได้แปลว่าเราจะใช้ไฟฟ้าอย่างไรก็ได้ตามใจ โดยไม่คิดถึงความสิ้นเปลือง เพราะหากว่าเราใช้ไฟเปลือง นอกจากโอกาสที่จะไม่ได้รับส่วนลดค่าไฟอีกต่อไป ก็คือการทำให้เสียพลังงานและทรัพยากรต่างๆ ของประเทศไปโดยไม่จำเป็น เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ ก่อนลงทะเบียนค่าไฟก็ควรลดค่าไฟด้วยตัวเองให้ได้ก่อนเป็นดีที่สุด