สารบัญ
Binance คืออะไร?
Binanceเป็นกระดานเทรด (Exchange) อันดับต้น ๆ ของโลก จุดเด่นที่ทำให้Binanceเป็นที่น่าใช้งานมากกว่า Exchange รายอื่น คือ มีค่าธรรมเนียมต่ำ ใคร ๆ ก็สมัครใช้งานได้ไม่ซับซ้อน นอกจากนี้ ยังมีสินค้าอื่น ๆ เช่น NFT ให้ผู้ใช้งานได้เข้ามาเก็งกำไรหรือลงทุนอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น Binance ยังได้ออกเหรียญคริโตเป็นของตัวเองที่เรียกว่าเหรียญ BNB หรือเหรียญ Binance Coin ซึ่งเอาไว้ใช้ชำระค่าธรรมเนียมของกระดานเทรดBinance หรือเอาไว้ชำระสินค้าบริการที่รับชำระด้วยสกุลเงินเหรียญ BNB ที่น่าสนใจคือบ่อยครั้งที่บริษัทจะทำการเผาเหรียญเพื่อลดปริมาณให้น้อยลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อราคาเหรียญ BNB เพราะหากอนาคตมีความต้องการใช้มากขึ้นย่อมส่งผลให้ราคาสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ใครที่คิดจะซื้อเหรียญดังกล่าว หรือต้องการได้กำไรจากการเทรด แนะนำว่าควรเก็บเหรียญ BNB ในช่วงที่ราคาตก เพราะนั่นหมายถึงเราได้ซื้อเหรียญในช่วงเวลาที่ดี เพื่อที่จะได้เอาไว้ทำกำไรเมื่อราคาสูงขึ้น อย่างไรก็ดี กล่าวได้ว่า BNB คือเหรียญคริปโตน่าสนใจอีกเหรียญหนึ่งที่น่าจับตามอง
เหรียญ Binance เอาไปใช้งานได้อย่างไร?
ปี 2024 ดูเหมือนว่าสินทรัพย์ที่คนทั่วโลกยังให้ความสนใจอยู่ก็คือ Crytocurency โดยในปัจจุบันมีคริปโตน่าลงทุนจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือเหรียญ BNB หรือ Binance Coin สำหรับใครที่ไม่รู้ว่า Binance คืออะไร ขออธิบายสั้น ๆ ว่าBinance คือตลาดซื้อขายคริโตอันดับ 1 ของโลก โดยมีเหรียญใน Binance หลายประเภทรวมถึงมี NFT ด้วย นอกจากนี้ การเก็บเหรียญคริปโต BNB ไม่ได้เพียงแต่เพื่อหวังกำไรจากราคาที่สูงขึ้นเท่านั้น แต่เรายังสามารถใช้เหรียญชำระสินค้า บริการ รวมถึงค่าเดินทางได้เหมือนเงินสดทั่วไป ความน่าสนใจคือพนักงานในบริษัท Binance หลายคนเลือกที่จะรับเหรียญ BNB เป็นค่าตอบแทนแทนที่จะรับเงินเดือน ยิ่งไปกว่านั้น เหรียญดังกล่าวยังใช้เป็นส่วนลดค่าธรรมเนียมในการเทรดบนกระดานซื้อขายBinance ได้อีกด้วย ทั้งนี้เชื่อว่าสำหรับปี 2567 มีแนวโน้มว่าอนาคตเหรียญ BNB คงมีราคาสูงกว่านี้ เพราะบริษัทที่ออกเหรียญมีนโยบายเผาเหรียญเพื่อลด supply ให้น้อยลงนั่นเอง
การเผาเหรียญ Binance Coin คืออะไร แล้วมีข้อดีอย่างไร?
Binance มีมาตรการเผาเหรียญ BNB ทุก ๆ 3 เดือน ซึ่งบริษัท Binance ได้ผลิตเหรียญ BNBไว้ทั้งหมด 200 ล้านเหรียญ โดยบริษัทตั้งเป้าว่าจะทำการเผาเหรียญให้ลดลงจนเหลือเพียงแค่ 100 ล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่งทางบริษัทจะนำรายได้ส่วนหนึ่งไม่เกิน 20% มาซื้อเหรียญจากในตลาดแล้วทำการเผาทิ้งจากนั้นจะส่งผลต่อราคาเหรียญในตลาดให้ปรับเข้าสู่สมดุงอุปสงค์อุปทาน นอกจากนี้ การเผา Binance Coin ยังมีอิทธิพลให้นักเทรดไม่อยากขายเหรียญอีกด้วย ด้วยกระบวนการเหล่านี้จะส่งผลให้เหรียญCrytocurency เป็นที่ต้องการมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูองค์ประกอบอื่น ๆ ด้วย อย่างเช่นในช่วงตลาดขาลง ต่อให้บริษัทเผาเหรียญอยู่แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีคนเข้ามาซื้อมากขึ้น ใครที่ผ่านช่วงขาลงของตลาดCrytocurency คงจะรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวเป็นอย่างดี ทั้งนี้ หากใครคิดจะเก็งกำไรเหรียญคริปโต กล่าวได้ว่า Binance Coin เป็นอีกหนึ่งเหรียญคริปโตน่าสนใจ และอนาคตเหรียญ BNBคงเป็นที่ต้องการมากขึ้น
Bitcoin กับ Binance Coin แตกต่างกันอย่างไร?
ข้อแตกต่างระหว่าง Bitcoin กับ Binance Coin มีหลายประการด้วยกัน อย่างแรกคือ Bitcoin เป็นสกุลเงินCrytocurency สกุลเงินแรกของโลกและเกิดขึ้นเมื่อราวปี 2008-2009 แต่ทว่าเหรียญ BNB เป็นสกุลเงินคริปโตที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปี 2024 นอกจากนี้ ในเรื่องของ demand และ supply ถือได้ว่า BTC มีของน้อยกว่าเพราะมีเพียงแค่ 21 ล้านเหรียญ BTC เท่านั้น แต่สำหรับ Binance Coin มีมากถึง 200 ล้านเหรียญ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ก่อตั้งได้มีนโยบายเผาเหรียญทุก ๆ 3 เดือนจนให้เหลือ 100 ล้านเหรียญ BNB เท่านั้น นอกจากนี้แล้ว Binance ยังเป็นกระดานเทรดเหรียญคริปโตอันดับหนึ่งของโลกในเวลานี้ พร้อมทั้งช่วยให้เราสามารถลงทุนเหรียญใน Binance ได้ตามความต้องการ ซึ่งในกระดานเทรดดังกล่าวเต็มไปด้วยเหรียญ คริปโตน่าสนใจจำนวนมาก รวมถึงมีงานศิลปะแนวใหม่ที่เรียกว่า NFT ให้ผู้ใช้งานได้ซื้อขายด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ใครที่กำลังมองหาคริปโตน่าลงทุนหรือกำลังเลือกเก็บเหรียญคริปโตที่น่าสนใจ แนะนำว่าเหรียญBinance ควรเป็นเหรียญที่ท่านควรมีไว้ในพอร์ตการลงทุน
Binance ยกเลิกให้บริการภาษาไทย
เป็นข่าวโด่งดังพอสมควรสำหรับนักลงทุนชาวไทยที่ชื่นชอบCrytocurency เนื่องด้วยไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Binance เว็บเทรดเหรียญCrytocurency อันดับ 1 ของโลกได้ประกาศว่าจะยกเลิกให้บริการภาษาไทยตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา นั่นหมายความว่าในปี 2567 นี้ ผู้ใช้งาน Binance จะไม่ได้เห็นภาษาไทยแล้วนั่นเอง ซึ่งหากลองมองย้อนกลับมาที่ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือก.ล.ต. จะเห็นได้ชัดเจนว่าหน่วยงานเหล่านี้ไม่เห็นด้วยนักกับการนำสกุลเงินคริปโตมาชำระสินค้าบริการ อีกทั้งยังมองว่ามีความเสี่ยงต่อการฟอกเงินหรือแชร์ลูกโซ่
นอกจากนี้ ทาง Binance ได้พยายามที่จะปรับตัวให้เข้ากับนโยบายด้านคริปโตแต่ละประเทศ แต่ในเมื่อมีนโยบายไม่สอดคล้องกับประเทศนั้น ๆ จึงเป็นเหตุให้ระงับการใช้ภาษาของประเทศนั้นออกไป เช่นเดียวกับประเทศไทย แต่อย่างไรก็ดี สำหรับคนที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ท่านยังคงซื้อหรือลงทุนเพื่อได้กำไรจากเหรียญใน Binance ได้อยู่ดี สำหรับปี 2024 เชื่อว่าเป็นอีกปีที่โลกของCrytocurency ต้องเจอกับความท้าทายอีกมาก เพราะอย่างในไทยเองแม้จะมีการเปิดรับให้ชำระสินค้าบริการด้วยเหรียญคริปโตน่าสนใจ แต่ก็มีหน่วยงานใหญ่ ๆ อย่างเช่นธนาคารแห่งประเทศไทยไม่เห็นด้วย จึงต้องคอยติดตามข่าวสารเหล่านี้ให้ดี เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องราวเหล่านี้ส่งผลต่อการลงทุนใน Binance รวมถึงคริปโตน่าลงทุนอีกหลายชนิด